ดนตรีแห่งฝูงชน

Crowdsourcing (โมเดลระดมมวลชน)
4 เมษายน ค.ศ. 2024 โดย
K&O Systems and Consulting

ดนตรีแห่งฝูงชน


เนื้อเรื่อง​​


​ในเมืองแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มนักดนตรีนามว่า "คราวด์" เขามีความฝันอยากจะสร้างวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่มีเงินทุนและสมาชิกวงมากพอ วันหนึ่ง เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพลังของ "ฝูงชน" (Crowd) ที่สามารถระดมความคิด ทักษะ และทรัพยากรจากคนจำนวนมากมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ เขาจึงตัดสินใจลองใช้วิธี "Crowdsourcing" หรือการระดมมวลชนผ่านโลกออนไลน์


​คราวด์เริ่มต้นด้วยการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้นักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง มาร่วมแชร์ผลงาน ไอเดีย และทักษะของตัวเอง พร้อมกำหนดหัวข้อและกติกาที่ชัดเจน เช่น เพลงที่แต่งต้องสื่อถึงความหวัง ความฝัน และพลังของการรวมตัวกัน เขาใช้โซเชียลมีเดียประชาสัมพันธ์แพลตฟอร์มนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชิญชวนให้คนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด


​ผลลัพธ์คือ มีนักดนตรีหน้าใหม่และมืออาชีพจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาร่วมแชร์ผลงานอย่างล้นหลาม บางคนส่งเนื้อร้อง บางคนส่งทำนอง บ้างก็เล่นดนตรีประกอบ ชุมชนออนไลน์นี้ช่วยกันโหวตผลงานที่ชอบ และแสดงความเห็นเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ในที่สุด ก็ได้เพลงที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพนับสิบเพลง โดยที่คราวด์ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนอกจากเวลาและความตั้งใจ


​คราวด์ใช้วิธีระดมทุนแบบ Crowdfunding เพื่อเปิดให้แฟนเพลงร่วมสนับสนุนการบันทึกเสียงและผลิตอัลบั้ม โดยมอบของรางวัลเป็นอัลบั้ม เสื้อยืด หรือตั๋วคอนเสิร์ตสำหรับผู้ร่วมทุน เมื่อได้เงินทุนแล้ว เขาจึงรวบรวมนักดนตรีที่โดดเด่นมาอัดเพลงและทำมิวสิควิดีโอ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด ต่อมา เขาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ในสวนสาธารณะ เปิดให้ทุกคนมาร่วมร้องเพลง เต้นรำ และเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ราวกับว่าทุกคนคือ "ส่วนหนึ่งของวง" นั่นเอง


​เรื่องราวความสำเร็จของคราวด์แพร่สะพัดไปทั่ว กลายเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้ประกอบการหลายคนที่อยากปั้นธุรกิจด้วยพลังของฝูงชน เขาได้รับเชิญไปบรรยายตามที่ต่างๆ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่า การระดมมวลชนเป็นวิธีที่ช่วยลดต้นทุน สร้างการมีส่วนร่วม เข้าถึงไอเดียหลากหลาย ทดสอบตลาด และลดความเสี่ยงได้ดีกว่าการทำคนเดียว


​"ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่คุณเก่งแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณชวนคนมาร่วมสร้างสรรค์และผนึกกำลังกันได้มากแค่ไหนต่างหาก" คราวด์ทิ้งท้ายไว้ราวกับเนื้อเพลง ที่จะตราตรึงอยู่ในใจผู้ฟังไปอีกนาน


​นิทานเรื่องนี้สอนให้เห็นว่า ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ ธุรกิจ หรือสิ่งอื่นใด ก็ล้วนพึ่งพาพลังของฝูงชนได้มากขึ้น การทำเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก อาจสู้การระดมความคิดและทรัพยากรจากคนหมู่มากไม่ได้ หากรู้จักออกแบบกระบวนการให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม มีรางวัลจูงใจ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน โมเดล Crowdsourcing ก็จะกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญให้ธุรกิจยุคใหม่ไปได้ไกลและมีพลังมากขึ้น เหมือนอย่างที่ดนตรีมีพลังเพราะเกิดจากหลายชีวิตมาผสานรังสรรค์กัน


หลักการและแนวคิด​​​​


​Crowdsourcing หรือโมเดลระดมมวลชน เป็นรูปแบบธุรกิจที่บริษัทขอความร่วมมือจากกลุ่มคนจำนวนมาก (crowd) ให้ช่วยทำงาน แก้ปัญหา หรือระดมทุน ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยอาศัยแนวคิดที่ว่า "หัวหลายหัวดีกว่าหัวเดียว" หรือ "ฝูงชนมักฉลาดกว่าคนเก่ง" ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงผู้คนหลากหลายที่มีความรู้ ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และทรัพยากรจำนวนมาก โดยมีต้นทุนและความเสี่ยงต่ำกว่าการจ้างพนักงานหรือผู้เชี่ยวชาญประจำ


  • ข้อดีของ Crowdsourcing Model สำหรับธุรกิจ ได้แก่
    • เข้าถึง "ปัญญาของฝูงชน" (wisdom of crowds) ได้หลากหลายมุมมองและไอเดียใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา
    • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องจ้างพนักงานประจำหรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์เอง
    • ทดสอบตลาดหรือระดมทุนได้จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ
    • สร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันของลูกค้า เพราะได้มีบทบาทในการร่วมคิดหรือสร้างสรรค์
    • ลดความเสี่ยง เพราะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก หากไอเดียหนึ่งไม่ดีก็ยังมีอีกหลายไอเดียให้เลือก


  • ข้อควรพิจารณาสำหรับธุรกิจที่ใช้ Crowdsourcing Model คือ
    • ต้องมีโจทย์หรือหัวข้อที่ชัดเจน น่าสนใจ และจูงใจให้คนอยากเข้าร่วม
    • ต้องมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย รวมถึงมีกติกาและขั้นตอนการมีส่วนร่วมที่ชัดเจน
    • ต้องมีรางวัลตอบแทนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเงิน สินค้า การยอมรับ หรือสิทธิพิเศษต่างๆ
    • ต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากและหลากหลาย
    • ต้องมีกระบวนการคัดกรองและตัดสินผลงานอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และมีเกณฑ์ชัดเจน


  • ตัวอย่างธุรกิจและแพลตฟอร์มที่ใช้ Crowdsourcing Model ได้แก่
    • Wikipedia เว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์ที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาร่วมเขียนและแก้ไขข้อมูลได้ฟรี
    • YouTube เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปอัปโหลดวิดีโอที่สร้างขึ้นเอง มีระบบแบ่งรายได้จากโฆษณาให้ผู้สร้างคอนเทนต์
    • Kickstarter แพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์สำหรับโครงการสร้างสรรค์ต่างๆ ผู้สนับสนุนจะได้รับรางวัลตอบแทน
    • Threadless เว็บไซต์ขายเสื้อยืดที่ใช้ลายจากนักออกแบบอิสระทั่วโลก ลายไหนได้รับโหวตมากจะได้รับการผลิตและวางจำหน่าย
    • Waze แอปนำทางที่อาศัยข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์จากผู้ใช้งานบนท้องถนนมาวิเคราะห์เพื่อแนะนำเส้นทางที่ดีที่สุด


​โดยสรุป Crowdsourcing Model เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม หรือทรัพยากรจากภายนอกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การแก้ปัญหา การระดมทุน หรือการสร้างคอนเทนต์ โดยอาศัยพลังของเทคโนโลยีดิจิทัลและเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ต้องออกแบบกระบวนการและรางวัลตอบแทนให้ชัดเจน ดึงดูดใจ และเป็นธรรม รวมถึงวางแผนรับมือเมื่อเกิดข้อพิพาทหรือปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมาจากการเปิดกว้างสู่สาธารณะด้วย


นิ้ว Business Model