เมล็ดพันธุ์แห่งความฝัน
เนื้อเรื่อง
ชายคนหนึ่งที่มีความฝันอยากปลูกต้นไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขาออกเดินทางเพื่อตามหาเมล็ดพันธุ์วิเศษ ผ่านป่าลึกและภูเขาสูง เขาได้พบกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งมีเมล็ดพันธุ์วิเศษ เขาได้รับเมล็ดพันธุ์นั้นมาหลายกำมือ
เขากลับมาที่หมู่บ้านและเริ่มเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เขาอุตส่าห์รดน้ำพรวนดินทุกวัน เฝ้ารอคอยให้เมล็ดพันธุ์เติบโต แต่หลายเดือนผ่านไป ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา
ชาวบ้านเห็นเขาพยายามมากขนาดนั้นจึงแนะนำว่า "เจ้าเพียงแค่ปลูกต้นไม้ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านนี้ก็พอแล้ว ไยต้องฝันใหญ่ขนาดนั้น" แต่ชายคนนั้นไม่ยอมแพ้ เขายังคงดูแลรดน้ำพรวนดินต่อไปทุกวัน
วันหนึ่ง มีหญิงชราผ่านมาเห็นความพยายามของชายคนนั้น นางจึงเข้ามาสอบถามถึงความฝันของเขา เขาเล่าความฝันให้นางฟัง นางจึงแนะนำว่า "หากเจ้าอยากปลูกต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด เจ้าต้องแบ่งปันความฝันนี้ให้คนอื่นรู้ด้วย เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจ สิ่งมหัศจรรย์ย่อมเกิดขึ้น"
ชายคนนั้นจึงเริ่มเล่าความฝันของตัวเองให้ชาวบ้านฟัง ด้วยถ้อยคำง่ายๆ ที่ทุกคนเข้าใจ เขาอธิบายว่าต้นไม้ยักษ์ต้นนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของหมู่บ้าน ทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน หรือใช้ผลผลิตจากต้นไม้
ชาวบ้านเริ่มเข้าใจและเห็นภาพตาม พวกเขาอาสามาช่วยกันดูแลเมล็ดพันธุ์และพรวนดินรดน้ำพร้อมใจกัน และแล้วในที่สุด เมล็ดพันธุ์ก็เริ่มงอกงามขึ้นมา ต้นกล้าเริ่มผลิใบและเติบโตอย่างแข็งแรง ทุกคนร่วมแรงร่วมใจดูแลต้นไม้ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
เวลาผ่านไปหลายปี ในที่สุดต้นไม้ก็เติบโตจนกลายเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกคนในหมู่บ้าน ความฝันอันยิ่งใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในตอนแรก ก็กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ในที่สุด
คติสอนใจ
ไม่มีความฝันใดที่ใหญ่เกินไป หากเรามีความมุ่งมั่นและร่วมแรงร่วมใจกัน การสื่อสารถ่ายทอดความฝันให้ทุกคนเข้าใจและเห็นคุณค่า จะทำให้เรามีพลังและกำลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรค จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ความฝันที่ยิ่งใหญ่ล้วนเริ่มต้นจากความเชื่อและการลงมือทำ เมื่อเรามุ่งมั่นและสามัคคี ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
หลักการและแนวคิด
การสื่อสารให้บุคลากรทุกระดับได้รับรู้ เข้าใจ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน กระตุ้นการมีส่วนร่วม และหนุนเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ แนวทางในการสื่อสารเป้าหมายและวิสัยทัศน์อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้
- กำหนดแผนการสื่อสารที่ชัดเจน โดยระบุกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาร ช่องทางการสื่อสาร ความถี่ และระยะเวลา ให้เหมาะสมกับบุคลากรในแต่ละระดับ
- เลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงบุคลากรได้ทั่วถึง เช่น การประชุมทีม อีเมล์ โปสเตอร์ วิดีโอ จดหมายข่าว เสียงตามสาย การพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ฯลฯ
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน ตรงประเด็น หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคหรือภาษาทางการจนเกินไป เพื่อให้บุคลากรทุกระดับเข้าใจได้ง่าย
- ยกตัวอย่างเชิงรูปธรรมประกอบ เพื่อให้บุคลากรเห็นภาพว่าเป้าหมายและวิสัยทัศน์จะส่งผลต่อการทำงานในทางปฏิบัติอย่างไรบ้าง
- สื่อสารอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ จนกว่าจะมั่นใจว่าบุคลากรมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
- เปิดโอกาสให้บุคลากรได้ซักถาม แลกเปลี่ยน และแสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนความเข้าใจและรับฟังมุมมองที่แตกต่าง
- ผู้บริหารต้องแสดงบทบาทสำคัญในการสื่อสารและถ่ายทอดเป้าหมาย ทั้งคำพูดและการกระทำ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง
- ถ่ายทอดเป้าหมายและวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ ด้วยการกำหนดตัวชี้วัด แผนงาน โครงการ ในระดับหน่วยงานและระดับบุคคลที่สอดคล้องกัน
- สอดแทรกเป้าหมายและวิสัยทัศน์ในกิจกรรมต่างๆ เช่น การปฐมนิเทศ การฝึกอบรม การประชุม การสัมมนา ฯลฯ เพื่อกระตุ้นเตือนอยู่เสมอ
- ติดตามและประเมินผลการสื่อสารเป็นระยะ เพื่อให้ทราบว่าบุคลากรมีความเข้าใจมากน้อยเพียงใด และปรับปรุงวิธีการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น
การสื่อสารเป้าหมายและวิสัยทัศน์อย่างมีประสิทธิภาพ
จะช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกันของคนทั้งองค์กร
เห็นภาพความเชื่อมโยงระหว่างงานที่ตนเองรับผิดชอบกับเป้าหมายใหญ่
นำไปสู่การร่วมแรงร่วมใจผลักดันให้องค์กรบรรลุผลสำเร็จตามที่มุ่งหวังไว้ร่วมกัน